“ประทีป” เอ่ย บริษัทอสังหาฯคึกตั้งเป้าโตสวนวิกฤต

“ประทีป” เอ่ย บริษัทอสังหาฯคึกตั้งเป้าโตสวนวิกฤต
 

 

บริษัทอสังหาริมทรัพย์คึกตั้งเป้าโตสวนเศรษฐกิจ ชี้มาตรการช่วยผู้ซื้อเร่งโหมแคมเปญกระตุ้นอีกแรงมั่นใจตลาดฟื้น

      นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศุภาลัย เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการในปีนี้จะเน้นการกระจายทำเลและสินค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจยังชะลอตัวอยู่ โดยจะมีโครงการใหม่รวม 9 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ อีก 6 โครงการ ที่กระจายไปในหลายทำเลทั้งกทม. และต่างจังหวัด
 ประทีป ตั้งมติธรรม

ประทีป ตั้งมติธรรม

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 9,300 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรายได้ไว้ที่ 7,500-8,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งงบการทำกิจกรรมการตลาดไว้ประมาณ 120 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้ว เน้นไปที่กิจกรรมครบรอบ 20 ปี การออกบูธ และกิจกรรม CSR
 

 

“การที่รัฐบาลให้การสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือว่าได้ เกินความคาดหมาย และให้การช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าธุรกิจจะฟื้นขึ้นมาได้” นายประทีป กล่าว
 

 

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย กล่าวเพิ่มว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2552 แม้ว่าจะมีอุปสรรคในเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้ผู้ซื้อบ้านชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยบ้าง แต่ไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลง ราคาน้ำมันและค่าก่อสร้างที่ปรับลดลง และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ลดภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อช่วยกำลังซื้อของผู้บริโภค จึงถือเป็นโอกาสดีที่สุดอีกปีหนึ่งที่ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจะได้รับ ประโยชน์สูงสุดเช่นกัน
 

 

ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า บริษัทจะเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจ โอนกรรมสิทธิ์ให้ทัน เพื่อรองรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ผ่านวิธีต่างๆ เช่น การจูงใจด้วย โปรโมชันส่งเสริมการขายประเภทต่างๆ ใช้งบในการทำตลาดโปรโมชัน ราว 1-3% ของยอดขายรวมโดย จะแบ่งทำ 2 ช่วงคือ โปรโมชันช่วงเปิดขาย และโปรโมชันพิเศษหลังจากลูกค้ามีการโอนกรรมสิทธิ์
 

 

การใช้กลยุทธ์จูงใจลูกค้าให้เร่งการโอน เป็นเรื่องที่ได้ทำมาตลอด แต่ปีนี้ต้องทำเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผู้ซื้อที่อยู่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีทันภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้ลูกค้าโอนบ้านเดี่ยว ทาวเฮาส์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งยังมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ 8,500 ล้านบาท
 

 

ส่วนยอดขายทั้งปีตั้งเป้าไว้ 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มียอดขาย 1.3 หมื่นล้านบาท ประมาณ 30%

ใส่ความเห็น